วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โตโยต้าปรับแผนอีโคคาร์-ครองแชมป์เก๋ง

toyota news

แหล่งข่าวจากผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า อีโคคาร์ของค่ายโตโยต้าซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการและเตรียมเปิด ตัวอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม 2556 ตามที่นายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ประกาศแผนงานไว้ก่อนหน้านั้น อาจไม่ทันตามกำหนด เนื่องจากจะต้องมีการปรับปรุงสเป็กและออปชั่นบางส่วน

     แหล่งข่าวกล่าว ว่า ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาทีมงานโตโยต้าได้ส่งอีโคคาร์ให้กับสำนักงาน เศรษฐกิจอุตสาหกรรม หรือ สศอ. ตรวจสอบเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดและมาตรฐานรถยนต์นั่งประหยัดพลังงาน ของกระทรวงอุตสาหกรรม ทาง สศอ.แนะนำให้ปรับปรุงบางส่วนก่อนที่จะนำกลับไปตรวจอีกครั้งหนึ่ง

"ตอน นี้ผู้ผลิตชิ้นส่วนกับวิศวกรของโตโยต้าพยายามเร่งมือแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อให้ทันกับแผนงานเดิม แนวโน้มอาจต้องเลื่อนเวลาเปิดตัวอีโคคาร์ออกไปอีกเล็กน้อย คาดว่าไม่น่าเกินเดือนตุลาคม"

     แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับปรุงสเป็กและออปชั่นต่าง ๆ ช่วงนี้น่าจะเป็นผลดีกับโตโยต้า ด้วยเหตุว่าสถานการณ์ตลาดรถยนต์ช่วงนี้ยังอยู่ในภาวะซบเซา ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากโครงการรถยนต์คันแรก วันนี้ความต้องการซื้อรถลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะรถยนต์ในกลุ่มที่ปีก่อนได้สิทธิ์รถคันแรก หลายค่ายรถยนต์ต้องปรับตัวและแผนทำการตลาดกันอุตลุด จุดนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้โตโยต้ามีแนวโน้มจะเลื่อนเปิดตัว รอสัญญาณตลาดฟื้นตัว ซึ่งคาดว่าน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติช่วงปลายปี

"ประชา ชาติธุรกิจ" สอบถามเรื่องนี้กับทางผู้บริหารโตโยต้า ได้รับคำยื่นยันว่า การดำเนินงานโครงการอีโคคาร์ของโตโยต้านั้นทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผน และโตโยต้าเองไม่ได้เร่งรัดหรือต้องเร่งดำเนินการให้อีโคคาร์ออกสู่ตลาดก่อน เป้าหมายแต่อย่างใด

     เนื่องจากขณะนี้โรงงานมีการผลิตรถยนต์ค่อนข้าง เต็มกำลัง อย่างไรก็ตาม โตโยต้ามั่นใจว่าเมื่ออีโคคาร์คลอดออกสู่ตลาด จะได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยเป็นอย่างดี และมั่นใจว่าโปรดักต์ใหม่ที่เตรียมนำเสนอน่าจะผลักดันให้โตโยต้ากลับมาเป็น แชมป์ตลาดรถยนต์นั่งได้อย่างแน่นอน หลังจากที่เสียแชมป์ให้กับทางฮอนด้าเมื่อปีก่อนนั้น รวมถึงจะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้ง 3 ตลาด ซึ่งประกอบด้วยตลาดรวม ตลาดรถปิกอัพ และตลาดรถเก๋ง

"ตอนนี้ทุกคนต่างพยายามทำงานเพื่อให้ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แต่ก็ต้องยอมรับว่าสภาพตลาดรถยนต์ในปัจจุบันเองนั้นถือว่ามีการแข่งขันค่อน ข้างสูงและดุเดือด โตโยต้าพยายามคัดสรรสิ่งดี ๆ ให้กับผู้บริโภค และต้องพยายามรักษาตลาด ส่วนโครงการอีโคคาร์ถามว่าจะดีเลย์ออกไปหรือไม่นั้น เอาเป็นว่าวันนี้ทุกคนในโตโยต้าต่างทำงานกันอย่างเต็มที่" ผู้บริหารระดับสูงเบอร์หนึ่งค่ายรถยนต์กล่าว

     ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่ม เติมว่า ในวันที่ 17 ก.ค.นี้ ประธานโตโยต้า นายเคียวอิจิ ทานาดะ มีกำหนดจะแถลงความคืบหน้าของสภาวะตลาดรถยนต์ และเป้าหมายของโตโยต้า ซึ่งหลายคนประเมินว่าตัวเลขอาจจะแตกต่างจากที่เคยประเมินไว้เมื่อต้นปีที่ ระบุว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2556 คาดว่าจะมียอดขายรวมทั้งหมดมากกว่า 1.2 ล้านคัน หดตัวประมาณ 10% ส่วนของโตโยต้าได้ตั้งเป้าหมายการขายสำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้ไว้ 5 แสนคัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 2 แสนคัน ลดลง 11% รถเพื่อการพาณิชย์ 3 แสนคัน เพิ่มขึ้น 3% และรถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 285,000 คัน เพิ่มขึ้น 5.6% และเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 412,000 คัน คิดเป็นมูลค่า 168,000 ล้านบาท และการส่งออกชิ้นส่วนมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้นประมาณ 2.38 แสนล้านบาท

     ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากโตโยต้ามีแผนส่งอีโคคาร์ลงตลาดในเร็ว ๆ นี้แล้ว โตโยต้ายังมีแผนจะส่ง โคโรลล่า อัลติส โมเดลเชนจ์ออกสู่ตลาดด้วย ซึ่งคงจะต้องจับตาดูกันอีกครั้งหนึ่งว่า ระหว่างอีโคคาร์และอัลติสรุ่นใดจะคลอดออกจากไลน์ผลิตก่อนกัน แต่ที่แน่ ๆ ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ รถทั้ง 2 รุ่นน่าจะเป็นรถธงที่คู่แข่งไม่กล้ากะพริบตา

ดร.ณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายอุตสาหกรรมรายสาขา 1 สํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ทางสศอ.มีหน้าที่รับรองผลทดสอบของแต่ละบริษัทที่ยื่นเข้ามา โดยแต่ละบริษัทต้องยื่นแบบไม่น้อยกว่า 90 วัน และไม่มีกำหนดเวลาในการตรวจ ซึ่งจะตรวจตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ หากมีข้อไหนที่ต้องแก้ไขก็แล้วแต่บริษัทนั้นๆ จะยื่นเข้ามา เพราะไม่มีกำหนดเวลา ส่วนข้อมูลต่างๆ ว่าบริษัทไหนจะต้องแก้ไขอะไรบ้างนั้นผู้ตรวจสอบและอนุมัติไม่สามารถเปิดเผย ได้ เพราะจะเกิดความไม่เป้นธรรมและมีผลต่อบริษัทดังกล่าว เนื่องจากคู่แข่งจะสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาปรับกลยุทธ์ในการแข่งขันได้ จึงขอให้ทางบริษัทเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลเองจะเป็นผลดีกว่า

 

ขอบคุณข้อมูล auto sanook

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น